'ย้ำ' ปฏิบัติการง้อผัว #Jackbam - 'ย้ำ' ปฏิบัติการง้อผัว #Jackbam นิยาย 'ย้ำ' ปฏิบัติการง้อผัว #Jackbam : Dek-D.com - Writer

    'ย้ำ' ปฏิบัติการง้อผัว #Jackbam

    เมื่อมีผัวขี้งอน ก็ต้องง้อ!!!

    ผู้เข้าชมรวม

    722

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    722

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    18
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 พ.ค. 59 / 11:41 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
                        ในโลกที่ทุกๆอย่างไม่เคยเป็นดั่งใจผมซักอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องเรียนที่ห่วยแตก เรื่องทะเลาะตบตีจนโดนรีไทล์ออกมา มีชีวิตอยู่ไปเรื่อยๆไม่มีความหมาย ครอบครัวแตกแยก ถึงจะมีตังค์แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมแฮปปี้กะชีวิตเลย แต่ตอนนี้มันก็ไม่ได้แย่ไปทุกอย่างหรอกสำหรับหวังแจ็คสัน โก๋ฮ่องกงอย่างผม ตอนนี้ผมพักอยู่กับแฟน แบมแบม เด็กมัธยมที่ครอบครัวอพยพจากประเทศไทยหนีกันมาอยู่ที่อินช็อน ส่วนครอบครัวผมเป็นคนจีน มาอยู่ทำธุรกิจที่นี่ เนื่องจากผมเบื่อบ้านและพ่อของตัวเองก็เลยมาเกาะเมียกินที่คอนโดในโซลนี่ล่ะ แบมแบมเป็นเด็กม.ปลาย เรียนอยู่โรงเรียนมัธยมในคังนัม เราอยู่กินกันมาก็จนเจ้านี่จะเรียนจบม.6แล้วล่ะ หรือเรียกว่าผมกินเด็กก็ว่าได้ เนื่องจากผมโดนไทล์ออกมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง กลางคืนเลยรับจ้างเล่นดนตรีร้องเพลงกับเพื่อนๆในวง แต่วันนี้ร้านปิดก็เลยได้พักอยู่กับเมียทั้งคืน ตอนนี้ไอ้แบมมันอาบน้ำอยู่ ผมก็นอนกดโทรศัพท์มันเล่นปกติ ไม่ได้เช็คอะไร แต่ก็มีบ้างน่ะ 555 เดี๋ยวมันมีชู้ผมจะได้รับรู้ด้วย ถ้ามันออกมาเห็นว่าผมเล่นโทรศัพท์มัน มันคงงอนแก้มแตกไปตามระเบียบ ผมไม่สนหรอกตัวแค่นี้ง้อแป๊บเดียวก็หาย 

    ผมกดเข้าไปดูไลน์ เช็คว่ามันเม้ามอยอะไรกับเพื่อนที่โรงเรียนไว้บ้าง แต่เอ้ะ.. มีข้อความค้างไว้ว่า "แกต้องมาเจอพ่อภายในสามวันเท่านั้น" ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยแปลก ปกติแบมแบมจะใช้ภาษาไทยคุยกับครอบครัว แต่ทำไมข้อความนี้เป็นเกาหลี หรือเขารู้กันนะว่าผมจะมาแอบอ่าน กดเข้าไปดูซักหน่อยดีกว่า

    Papa : ฉันไม่สน ยังไงแกก็ต้องแต่งงานกับยองจี
                                                   Bam : โธ่พ่อ แบมไม่ได้ชอบยองจีนี่ แบมมีแฟนแล้วพ่อไม่เข้าใจรึไง
    Papa : เหอะ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าแกอยู่กินกะพวกวิปริตผิดเพศ ไม่รู้แหละ ยังไงแกต้องแต่งงานกับหนูยองจี
                                                   Bam : โอ้ย ไม่เอา ผมไม่แต่ง
    Papa : ไม่งั้นฉันจะลากแกกลับไทย แกต้องเข้าพบฉันภายในสามวัน เข้าใจแล้วก็รีบออกจากไอ้ตัวผิดเพศนั่นซักที

    กึ้ก!.. มือของผมสั่นไปหมด หัวสมองว่างเปล่า ข้อความที่ผมเห็นนั่นมันอะไรกัน แบมแบมจะแต่งงาน? ตัวผิดเพศงั้นหรอ? ตัวผมนิ่งเกร็งบีบโทรศัพท์ในมือแน่นหน้าร้อนชะมัด จนไม่รู้สึกว่ามีฝ่ามือตีกระทบหลังของผมดัง 

    " บึ้ก!!! กาอี!!! เล่นโทรศัพท์อีกแล้ว บอกกี่ครั้งแล้วหาว่าอย่าเล่น!! " เสียงแว้ดใส่ผมดังลั่นแต่มันก็ไม่สะเทือนอะไรซักนิด ผมหันขวับมองหน้าแบมแบมตึงใส่ เจ้าตัวเล็กก็เหมือนจะตกใจแต่ก็วางท่ายืนจังก้าจะเข้ามาแย่งโทรศัพท์
    " โอ้ย!!! กาอี มามันเจ็บนะโว้ย ปามาได้ ผีเข้าอะไรอีก!! " แบมแบมรีบเก็บโทรศัพท์จากพื้นท่าทางจะโกรธจัด แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจหรอก เพราะหน้าผมตอนนี้โกรธแทบจะระเบิดออกมา
    " คิดว่ากูไม่รู้รึไง!! จะหนีไปแต่งงานน่ะ!! " ผมจ้องมองมันในสภาพที่หน้าของผมแดงจัดและควันแทบจะออกจากหู
    " หนีบ้าอะไรของพี่เล่า!! อะไรเนี่ย มีเหตุผลหน่อยเซ่"
    " เออ!! กูมันไม่มีเหตุผล กูมันวิปริตผิดเพศ!! มึงจะแต่งใช่ไหมงานเชี่ยไรนั่น ไปสิ ไปเลยย! " ผมลุกขึ้นยืนตะโกนลั่น อีกคนก็ดูเอาเรื่อง
    " อะไรวะ!! แค่นี้ก็เครียดพอแล้วพี่จะงี่เง่าอะไร แบมจะไปแต่งงานได้ไง อย่างี่เง่าได้ปะวะ!! " 
    " เออ!! กูมันงี่เง่านิ่ แล้วมาอยู่กับกูทำไม มาหลอกฟันกูแล้วจะหนีไปแต่งงานง่ายๆงั้นหรอ!! "
    "เห้ย ก็บอกให้ฟังกูไง!! แม่ง มึงมีอะไรก็มาใส่ๆๆกู เออ กูจะไปแต่งงาน จบไหม!! ใครจะไปอยากคบกับมึง งี่เง่า เอาแต่ใจ งานการเริงเรียนก็ไม่เอา ชอบใช้อารมณ์ มึงออกไปสิ  ไปเลย! ไป " ไปแบมร่ายยาวแล้วก็เปิดตู้เสื้อผ้าปาข้าวของเสื้อผ้าใส่ผมกองพะเนิน แบบนี้มันไล่นิ่วะ ไอ้แบมไม่เคยขึ้นกูมึงกับผม และใช่ มันกำลังเปลี่ยนไป ความเป็นกาอี มันคงไม่รักคนงี่เง่าแบบผมแล้วสิ หึ
    "เออ!!! เลิกก็เลิก กูไม่อยู่แม่งแล้ว!! " ผมปาเสื้อผ้าใส่หน้าแบมอย่างเหลืออด 
    " ไปเลยนะ!! ฮึก.. " ผมเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์และกุญแจรถเดินออกจากห้องไปพร้อมกับปิดประตูดังปัง!!! ไม่สนใจคนที่เปิดประตูออกมามอง เหอะ!! อยากจะแต่งงานอะไรก็เชิญไปเลย คิดว่าสนรึไง เป็นนักดนตรีสาวๆต่อคิวกันแน่นเลยเว้ย เหอะ! อะไรวะ? น้ำตาหรอ ทำไมมองพวงมาลัยรถแล้วน้ำตาไหลวะ? แกเป็นอะไรของแกเนี่ย 
    โว้ยยย!!! ตบตีโวยวายอาละวาดลั่นรถด้วยความโมโห นั่งสงบสติอารมณ์จ้องมองประตูทางออกรออะไรซักอย่าง อะไร? ปกติมันจะวิ่งตามมาง้อ 
    เฮ้ย นี่มันครึ่งชั่วโมงแล้วนะ ทำไมละ
    " ลงมาสิ.. ลงมา.. " ผมพึมพำราวกับสะกดจิตทางเดินให้แบมแบมไอ้เด็กดื้อเดินลงมาตามหาผม
    " ลงมาสิวะ.. ลงมา.. "
    .
    .
    .
    .

    "ใช่แล้ว.. นั่นล่ะ มันต้องอย่างนั้นเซ่! หึหึ ปล่อยให้ฉันรอนาน ไม่หายงอนง่ายๆหรอก" ผมเผลอยิ้มไม่รู้ตัวพอเห็นคนตัวเล็กเดินมาจากทางออกที่ลานจอดรถ ขาเล็กก้าวเร่งความเร็วจ้องมาที่รถผม ก่อนจะทุบกระจกดัง ตุบๆๆๆ !!
    " ถ้าจะมาง้อล่ะก็... "
    " ฮึ!! ไอ้คนบ้า!! " ทันทีที่ผมเปิดกระจกรถออกมาทำหน้านิ่งใส่ สิ่งที่ผมคาดหวังไม่ใช่อย่างนั้นเลย ไอ้เด็กปากห้อยนั่นไม่ได้มาง้อผมซักนิด แถมยังปาแหวนคู่ที่ซื้อให้กันวันครบรอบ3ปีใส่หน้าผากผมจังๆ ผมลูบป้อยแล้วมองตามแผ่นหลังบางที่เดินกระฟัดกระเฟียดกลับไป 
    ' จำไว้นะกาอี แหวนวงนี้เป็นเหมือนหัวใจของแบม ส่วนอันนี้ก็คือหัวใจของกาอี เราแลกหัวใจให้กันแล้ว ถ้าใครคนใดคนนึงถอดมันออก หัวใจอีกดวงคงโดดเดี่ยวเอามากๆ เพราะงั้น ใส่มันเอาไว้ดีๆนะ แบมจะไม่มีวันปล่อยหัวใจดวงนี้ของกาอีเด็ดขาด'
    เสียงที่ดังก้องอยู่ในหัวของผมซ้ำไปซ้ำมา นี่หัวใจของผมถูกปาทิ้งอย่างไม่ใยดีเลยสินะ แล้วหัวใจดวงนี้ของนายล่ะแบมแบม นายยังจะให้ฉันเก็บไว้อีกหรอ.. ผมกำมือซ้ายที่มีแหวนรัดข้ออยู่ที่นิ้วนางแน่น นานจนไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไร หัวใจของผมถูกปาทิ้งแต่ผมไม่สามารถทิ้งหัวใจดวงน้อยๆที่อยู่ในมือผมตอนนี้.. อา.. รู้สึกชาชะมัด แล้วต่อจากนี้มันจะเป็นยังไงกันนะ

    BAMBAM'S PART
    ผ่านไปคืนที่สองกับการนอนอยู่บนเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยากของผมกองเสื้อผ้าที่เมื่อวานผมปาใส่คนบ้าที่ไม่ยอมฟังใครทั้งนั้น กลิ่นกายยังคงติดอยู่อบอวลเต็มห้องไปหมด ผมทำเกินไปรึเปล่านะ? ผมมองรอยวงกลมบนนิ้วเดิมๆ ซ้ำๆ นี่ผมปาหัวใจของเขาไปแล้วจริงๆหรอ ทำไมมันโดดเดี่ยวและว่างเปล่าแบบนี้นะ.. สายตาผมหรี่มองเสื้อตัวโปรดที่กองยู่ยี่อยู่ข้างๆ กลิ่นของเค้ายังคงติดเสื้อ.. คิดถึงเหลือเกิน.. กาอี แบมควรทำยังไงดีให้กาอีกลับมา.. ฮึก.. 
    ~ ฮาจิมา ฮาจิ ฮาจิมา ???? ~
    จู่ๆเสียงริงโทนโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น ผมจ้องมองชื่อหน้าจอ ตัวต้นเหตุทั้งหมดที่ทำให้เหคุการณ์บ้าๆมันเกิดขึ้นแบบนี้  ผมกดรับแล้วเงียบใส่ไม่พูดอะไรจนอีกฝ่ายต้องเป็นคนเอ่ยออกมา
    "เงียบแบบนี้ โดนทิ้งมาแล้วล่ะสิ หึหึ อย่าลืมว่าเรามีนัดกันพรุ่งนี้นะลูกชาย ห้าโมงเย็นที่เดิมนะ" เสียงอันน่ารำคาญของคนที่เป็นพ่อ ผมรีบกดตัดสายอย่างไม่สบอารมณ์นัก ผมนั่งมองรูปพี่อ้อยกับพี่ฉอด ไอดอลดีเจของผม
    " ผมควรจะทำยังไงดีครับ พี่อ้อยพี่ฉอด ผมตื้อไม่หมดแล้ว คนนึงก็ทำร้ายเขา อีกคนยังมาบังคับให้ผมแต่งงานอีก ผมควรทำยังไง?" ผมเบะปากอยากจะร้องไห้อย่างเด็กๆ ทั้งๆที่รู้ว่าแค่นั่งมองรูปคงช่วยอะไรไม่ได้ แต่มันก็น่าจะทำให้ผมสบายใจขึ้นมาบ้างล่ะนะ เฮ้อ.. พี่อ้อยพี่ฉอดครับ เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะ!
    ' ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย อย่าปล่อยให้ความรักหล่นหายด้วยเหตุผลผิดๆที่มาจากความคิดคนอื่น ความรักไม่เคยผิด' เสียงคำคมหนึ่งในประโยคที่พี่ฉอดเคยทิ้งท้ายไว้ในรายการตอนนั้น ดังก้องอยู่ในสมองของผม ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า.. ใช่สิ!!! คิดออกแล้วโว้ยย!!
    " พี่อ้อยพี่ฉอดครับ ขอบคุณนะครับ!! มั่วะะ " ผมจูบรูปภาพอย่างดีอกดีใจ ก่อนจะวางไว้ที่เดิม ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงที่ยังรกเหมือนเดิม จริงๆผมเป็นคนรักความสะอาดนะ แต่สำหรับตอนนี้ เสื้อผ้าพวกนี้ไม่ใช่ขยะเลย มันคือของๆคนที่ผมรักที่สุดในโลก ผมหยิบเสื้อกล้ามสีดำตัวเก่งของพี่แจ็คสันมากอดไว้ หลับตาพริ้มและยิ้มอย่างสบายใจ
    "รอก่อนนะครับ ผมจะทำให้มันถูกต้องแล้วจะกลับไปรับพี่กลับมานะ.. " ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาตอบข้อความคอนเฟิร์มนัดก่อนจะเริ่มปฏิบัติแผนการที่จะเริ่มในวันพรุ่งนี้ อ๊า รอไม่ไหวแล้ว!! ผมกดไลน์ส่งข้อความหาพี่แจ็คสัน จุ้บภาพหน้าจอรัวๆ ให้กำลังใจแบมด้วยนะกาอี
    .
    .
    .
    .
    .

    Jackson's Part
    ตื๊อดึง!! เสียงไลน์ผมดังทันทีที่กดเปิดเครื่องหลังจากไม่ได้เปิดมันมาสามวัน

    BAMBAM ::
    รอผมก่อนนะครับพี่แจ็คสัน :)
     
    รอ? รออะไร เหอะ จะส่งการ์ดเชิญงานแต่งมาหยามน้ำหน้ากันก็บอก จะว่าไปก็ครบกำหนดของพ่อเจ้าเด็กบ้านั่นแล้วนิ่ หึ ป่านนี้ก็คงคุยกันสนิทคอจนลืมผัวรักอยากผมไปแล้วแหละ แม่งเอ้ย!!
    เพล้ง!!!!
    "ไอ้เชี่ยเตี้ย!! นอกจากแดกฟรีแล้วยังทำลายข้าวของอีกนะ หลายใบแล้วนะ ถ้าอาจูถามกูว่าแก้วหายไปไหนหมด กูจะทำยังไง!!?"
    อึ้ก อึ้ก อึ้ก.. เพล้ง!!
    "ย๊ากก พอเหอะ กูขอ TT^TT" ผมมองสภาพไอ้เจบีที่กำลังคุกเข่าอ้อนวอนหลังจากที่ผมดื่มเหล้าอย่างหนัก พอคิดถึงหน้าไอ้เจ้าเด็กอวดดีนั้นแล้วก็พาลเขวี้ยงแก้วเป็นว่าเล่นมาสามวันติดๆ ถ้าเป็นปกติผมคงโดนอาจู หรือจูเนียร์เจ้าของบาร์เมียไอ้บีมันหวดไปเรียบร้อยแล้ว ถึงตอนนี้มันจะอยู่ฮ่องกงหรือจะอยู่ตรงนี้ผมก็ไม่กลัวหรอก ผมมาเป็นนักดนตรีที่นี่ หากินเลี้ยงเมียเด็กไปวันๆ แต่ตอนนี้มัน.. ไม่มีอีกแล้วสินะครับ ผมมองเหล้าสีแสบทรวงควงอยู่ในแก้วใสๆ ถ้าเปรียบเหล้าในแก้วนี้ ผมคงคิดถึงแบมแบม สีสดใสดูหอมหวาน แต่รสชาติแสบร้อน พยศอยู่ในคอ เฮ้อ.. แบมแบม นายจะเลือกยัยหมวยนั่นจริงๆหรอ ผมมองเหม่อลอยมือใหญ่สากจากการสรรหาดนตรีมาเล่นจับแหวนเกลี้ยงสองวงที่ถูกคล้องเป็นสร้อยคอ หัวใจของนายตรงนี้น่ะ มันต้องอยู่กับหัวใจของฉันไม่ใช่หรอแล้วทำไมนายเลือกปาหัวใจของฉันทิ้งล่ะ? ...
    "โป๊ก!! มึงเลิก sad ได้ยัง คนอื่นเขาขึ้นเวทีกันหมดแล้ว มัวมานั่ง drink อยู่ได้ buffalo เหี้ย" เสียงพ่นบ่นของมาร์ค หัวหน้าวงคนแบ่งกะตังค์ดังตามเสียงฝ่ามืออรหันต์ นี่ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นคนแจกตังค์นะจะถีบออกไปดาวอังคารเลยแม่ง
    "เออๆ เหี้ย บิวต์อารมณ์อยู่ ฟีลลิ่งไงฟีลลิ่ง ใจป้ะ?" ผมหยอดคนหน้าหวานแต่ชอบทำหน้าบูดบึ้งอยู่ตลอดไปซักหน่อยค่อยลุกขึ้นเลยตามไปนั่งประจำตำแหน่งบนเวที

              ผมมายืนหน้าไมค์ ตาแดงก่ำของผมมองไปข้างหน้าอย่างที่เคยทำ เสียงดนตรีบรรเลงไปตามเพลงที่เตรียมกันมาเรื่อยๆ เสียงแหบๆของผมทำสาวๆดิ้นกันตลอดตั้งแต่มาทำงานที่นี่ ปกติจะมีเจ้าเด็กแต่งตัวแก่แดดๆมานั่งเฝ้า แต่ตอนนี้มันว่างเปล่า ผมร้องเพลงไปเรื่อยๆ เพลงแล้วเพลงเล่าอย่างไร้อารมณ์ เพลงมันส์ๆก็ไม่มันส์เหมือนเดิม ทุกคนคงจะรู้สึกถึงรังสีมืดตึงบนเวที 

          ผ่านไปซักพักมีเด็กเสิร์ฟที่คุ้นเคยกันดีส่งกระดาษมาให้ เป็นชื่อเพลงที่ลูกค้าขอมา 'ย้ำ - Bodyslam' ผมชะงักกึก.. เพลงนี้คือเพลงที่ผมใช้ร้องขอแบมเป็นแฟนก่อนที่แบมจะกลับไปอยู่ไทยสามเดือน เราฟังเพลงนี้ด้วยกันทุกวัน บางวันมันก็ชอบขอให้ผมร้องกล่อมมันจนหลับใส่ผมไปซะหลายครั้ง มันน่ะ.. ชอบเพลงนี้มากเลยนะ ผมหวังว่ามันจะยังนอนหนุนตักของผมและอ้อนให้ร้องเพลงนี้ให้ฟัง ผมเผลอยิ้มตอนไหนไม่รู้ ผมส่งสัญญาณให้นักดนตรีเริ่มบรรเลง

    "ยังไม่เคยลืม ยังไม่เคยเลือน มันก็คงเป็นเหมือนเรื่องค้างคา" ผมอ้าร้องตามเพลงแต่.... อะไรกันน่ะ? มันไม่ใช่เสียงของผม เสียงร้องที่ทุ้มนุ่มเหมือนเด็กเสียงกำลังแตกหนุ่ม ผมแน่ใจ ใช่แน่ๆ เสียงนั่น..
    "เราต้องจำจาก ทั้งที่เรายังรัก และเราต้องร่ำลา" ใช่จริงๆ ร่างของแบมแบมเดินขึ้นมาทางเวที  ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ข้างหน้าผมจริงๆด้วย .. แบมแบมกำลังขยับปากร้อง'เพลงของเรา' ตากลมโตจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของผม แววตาของเราสื่อสารกัน ผมไม่สนใจว่าคนตรงหน้าจะร้องเพี้ยนแค่ไหน ตอนนี้ผมรู้แค่ไอ้เด็กที่แม้แต่ไมค์มันยังไม่ยอมจับเลย ไม่เคยคิดแม้แต่จะได้ฟังแบมแบมร้องเพลงจริงๆ
          ร่างเล็กเข้ามานั่งบนตักของผม เพราะมีเพลงที่ผมใช้กีต้าโปร่งเลยนั่งร้องแทน มือเล็กทาบที่แก้มผม มันเย็นจนผมต้องสะดุ้งเลย
    "ย้ำ อยากจะย้ำฉันอยากจะย้ำ อยากจะย้ำให้เธอฟังฉัน อยากจะย้ำจนเธอนั้นมั่นใจ" เอาล่ะสิ อึ้งครับ ไม่หยุด หัวใจของผมเต้นจนจะทะลักออกมาจากอก เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ผมยิ้มแก้มปริ ยิ้มแทบหุบไม่ได้เลย
    "ถึงต่อให้นานอีกนานสักเท่าไร ก็อยากให้เชื่อใจ ว่าฉันรออยู่  และฉันจะรอต่อไป....." แบมแบมจับมือผมแนบแก้มอูมๆนั่น ให้ตายเถอะ น่ารัก.. น่ารักซะจนไม่อยากให้ใครมองเลย แม่งเอ้ย! เมื่อร้องท่อนสุดท้ายค้างไว้คนตัวเล็กก็เข้ามากระซิบข้างๆหูของผมว่า " อย่างที่ได้เคยบอกไว้ ว่าฉันรักเธอ.." 
    เสียงปรบมือโห่ร้องลั่นร้าน ทั้งจากลูกค้าและเพื่อนๆของผมบนเวที โห่แซวกันไปหมด
    "นี่หนีพ่อมาหาผู้ชายหรอ?" ผมแซวเสียงเเข็งแต่ก็ยังหุบยิ้มไม่ได้
    "หอมเลย! หอมเลย! หอมเลย!" แบมแบมปิดหน้าเขินอายแต่ก็เข้ามาจุ้บแก้มของผมสองข้างแล้วยิ้มกว้าง
    "มาง้อผัว ถึงจะต้องหนีเสือมาทั้งถ้ำผมก็จะทำ" มือผมและแบมแบมจับประสานกันแน่น ผมไม่เคยปฏิเสธเจ้าเด็กคนนี้ได้เลยจริงๆสินะ
    สถานการณ์ผ่านไปเหมือนเดิมจนถึงเวลาเลิกงาน แบมตามผมเข้ามาในห้องนักดนตรีแล้วกอดผมจากข้างหลัง
    "กาอี ต่อไปนี้แบมแบมจะไม่ให้กาอีหนีไปไหนแล้วนะ กลับไปอยู่ด้วยกันนะ"
    ผมหันหลังกลับไปหาแล้วดึงแบมแบมเข้ามากอด
    "ครับครับ พี่จะอยู่กับเราไม่เอาแล้ว ไม่ไปไหนแล้วนะ" เราสองคนกอดกันกลมเชื่อมความสัมพันธุ์รักกัน หลังกลับเข้าไปในห้องเดิม ทุกสิ่งทุกอย่างของผมกลับมาอีกครั้ง เราสองคนมอบอ้อมกอดและไออุ่นให้แก่กันทั้งคืน แสนรักแสนคิดถึงสุดดวงใจ ราวกับว่าเราจากกันนานและได้กลับมาพบกันใหม่ ผมจะไม่มีวันปล่อยคนตัวเล็กให้กับใครอีกแล้ว ผมกระชับอ้อมกอดคนตัวเล็กที่กำลังนอนหนุนแขนของผม รอยยิ้มสดใสกลับมาแล้ว และชีวิตของผมอยู่เพื่อรอยยิ้มนี้เพียงรอยยิ้มเดียวตลอดไป ผมมอบจุมพิศเบาๆบนหน้าผากมน
    "นี่ แบม พี่ถามอะไรเราอย่างดิ"
    "หื้ม ครับ อะไรว่ามา แล้วก็เลิกลูบเอวแบมซักทีได้ไหม พรุ่งนี้แบมมีเรียนนะ" แก้มแตกป่องขึ้นไม่พอใจ
    "ก็คิดถึงเมียอ่าา ทำไม่ได้หรอ อยากได้อีกสักสองสามรอบ ดีปะ" ผมตีก้นนิ่มดังเพี๊ยะด้วยความหมั่นเขี้ยว เป็นอย่างที่คิดคนโดนแกล้งขยับตัวหนีแถมถีบใส่ด้วย ฮ่าๆๆๆ น่ารักเหลือเกินนะ ผมรวบแบมแบมกลับมานอนที่เดิม
    "ทำไมหนีมาหาพี่ได้ แล้วเรื่องของพ่อเราล่ะ?" 
    "คิกคิกคิก.. อยากรู้หรอ" ไอ้เจ้าเด็กในอ้อมกอดหัวเราะคิกคัก ผมรู้เลยว่าจะได้คำตอบว่าอะไร ไม่บอกหรือไม่ก็ไม่จำเป็นต้องรู้
    " นี่อย่าลีลาน่ะ พี่รู้นะเราจะตอบพี่ว่า ไม่บอกหรอก ใช่ไหมล่ะ?" ผมมองตาแบมแบม คนตัวเล็กยังยิ้มขำไม่เลิก ก่อนจะหันหน้ามากอดผมไว้
    "แบมจะบอกกาอีในงานแต่งของเราไง คิคิคิ สู้ตายนะครับ มายซาทังหวังกาอี!!" โอ้ย ตาย กู.. นี่ต้องสู้รบกับพ่อตาไปอีก กว่าจะรู้เรื่องนี้ผมคงตายเพราะฝีมือพ่อตาสุดโหดร้ายคนนี้แหงๆ แต่เอาเถอะ! เพื่อแบมแบม ถึงจะต้องลำบากแค่ไหน ผมยอม ขอแค่ได้อยู่กับคนคนนี้ก็พอ

    ' ชีวิตของหวังเจียเอ๋อ อยู่เพื่อกัน.. เอ่อ กันอะไรวะ โอ้ย !! จะกันต์อะไรก็แล้วแต่เถอะ ชีวิตของผมน่ะ อยู่เพื่อแบมแบมคนนี้คนเดียวเท่านั้น'

    The End And TobeContinue
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×